ADX ถือว่าเป็นทฤษฎีการใช้งานในตลาดฟอเร็กซ์ ที่ดีมาก ๆ เลยทีเดียว เพื่อที่จะให้การเทรดนั้นมีความลื่นไหล และลงตัวมากขึ้น เพราะฉะนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าว่า ADX มีความหมายอย่างไร กับการใช้งาน เทรดฟอเร็กซ์
ทำความรู้จักกับกลยุทธ์ ADX
ADX ก็คือการวัดสภาพวะการตลาดทางการเงิน ที่ชื่อเต็มเรียกว่า Average Directional Movement Indexโดยเครื่องมือนี้ เหมาะในการเทรดกับทุก ๆ รูปแบบเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรด ฟอเร็กซ์ หุ้น ทองคำ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเจ้า ADX ออกมาเพื่อวัดความแข็งแกร่งของสภาวะในแนวโน้มของการตลาดเสียมากกว่า ดังนั้น เทรดเดอร์สามารถใช้งาน ADX ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ได้เลยทันที ว่ามีโอกาสจะจบลงหรือยัง หรือ ทำการวิเคราะห์การเทรดด้วยเช่นเดียวกัน แต่อาจจะไม่ได้รับความนิยมสำหรับการเทรดแบบ Scalping มากเท่าไหร่ แต่ในการเทรดระยะยาว ต้องบอกเลยว่า ADX ถือว่าเหมาะแก่การใช้งานมาก ๆ
ถ้าจะมองภาพรวม ก็เหมือนกับว่า ADX นั้นเป็นการยัดรวมของหลาย ๆ เครื่องมือเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตัวหลักนั้นจะมีการคำนวณมาจาก Indicator ที่มีอยู่ ได้แก่
- Directional Indicator ที่เป็น “บวก” : เรียกว่า (+DI)
- Directional Indicator ที่เป็น “ลบ” : เรียกว่า (-DI)
หลักการของเส้น ADX ชุด DI ทั้งบวกและลบ คือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ แนวโน้มทางการตลาดฟอเร็กซ์ และตลาดการลงทุนอื่น ๆ ว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร โดยนำจุดราคาสูงสุดของวัน (High), จุดต่ำสุดของวัน (Low) และราคาปิด (Close) นำมาเปรียบเทียบกัน โดยเส้น +DI จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) หรือ สามารถพิจารณาจากแท่งเทียนที่ปิดบวกได้ว่า มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
หลักการดู ADX ในตลาดฟอเร็กซ์
หลักการดู ADX นั้น ทั่วไปจะอยู่ในช่วง 0-100 ซึ่งสามารถตค่าของแต่ละช่วงได้ดังนี้
- ช่วง ต่ำกว่า 25 : ราคาในช่วงนั้นเป็นลักษณะ Sideway
- ช่วง 25 – 50 : ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง และค่า ADX นั้น มีโอกาสการ Break ผ่านสูง
- ช่วง 75 ขึ้นไป : มีความแข็งแกร่งมาก แต่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย ราคาขึ้นลงชันมากพอสมควร
การดู ADX คล้าย ๆ กับการดู Divergence ในหลายๆ Indicator อยู่เหมือนกัน แต่การดูแบบ ADX นั้น สามารถเปลี่ยนแนวโน้มของราคาจากลงเป็นขึ้นได้ หรือ ขึ้นเป็นลงก็ได้เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของราคาเสียมากกว่า
ทฤษฎีกลยุทธ์ ADX สำหรับนักเทรดมืออาชีพ สร้างกำไรดี
ADX ต้องบอกเลยว่าเป็นกลยุทธ์ที่นักเทรดมืออาชีพมักจะใช้งานกัน ซึ่งสามารถใช้แยกระหว่าง Trend กับ Sideway ได้ หรือจะแบ่งระดับความแข็งแกร่งออกเป็นช่วง 25 50 และ 75 ต้องบอกเลยว่านักเทรดนั้น ควรทดลองใช้งานในจุดนี้กัน